การลงทุนในกองทุนแม้จะมีความเสี่ยงมากกว่าการฝากเงิน แต่ก็สามารถเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้อีกหนึ่งทางเลือก โดยกองทุนมีหลากหลายประเภท นโยบายการลงทุน และความเสี่ยง คุณสามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่เหมาะสมกับตัวคุณได้
By Krungsri Plearn Plearn
1. กลุ่มประกันประเภทต่าง ๆ
เริ่มที่ประกันสุขภาพและประกันชีวิตกันก่อน ปีนี้รัฐบาลเพิ่มวงเงินหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันสุขภาพ เพื่อสนับสนุนให้คนมีหลักประกันที่ดี และลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพ เปรียบเทียบจากเดิมที่สามารถหักลดหย่อนได้แต่ไม่เกิน 15,000 บาท มาปีนี้เพิ่มเป็นหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 25,000 บาท ส่วนเบี้ยประกันชีวิตและเงินฝากประเภทสงเคราะห์ชีวิตลดหย่อนสูงสุดได้ไม่เกิน 100,000 บาท สมมติผมซื้อประกันชีวิตไว้จำนวน 90,000 บาท ผมซื้อประกันสุขภาพไว้ 20,000 บาท ผมใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 100,000 บาทนะครับ
ส่วนประกันประเภทอื่น ๆ เช่น ประกันบำนาญลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ หรือไม่เกิน 200,000 บาท รวมถึงตัวประกันสุขภาพให้คุณพ่อคุณแม่ จะมีเงื่อนไขว่าลูกแท้ ๆ ซื้อให้พ่อแม่เท่านั้น แปลว่าลูกบุญธรรมจะไม่ได้ ถ้าแม่มีรายได้ต้องไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี พ่อแม่หรือเราอยู่ในไทยมากกว่าหรือเท่ากับ 180 วัน ลดหย่อนได้สูงสุด 15,000 บาทนะครับ ตรงนี้ก็ไม่ได้เยอะอะไรมากมาย แต่ก็เอามาลดหย่อนภาษีได้ทั้ง 2 ตัว
การทำประกันชีวิตทุกประเภทสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้หมด เพราะถูกหักจากเงินได้สุทธิ รายได้หักค่าใช้จ่ายไปหักลดหย่อนอีก แต่สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาคือเลือกประเภทให้เหมาะกับตัวเรา ให้ดูชำระเบี้ยประกันเท่าไหร่ รับเงินคืนเท่าไหร่ เวลาจะซื้อประกันชีวิตและประกันสุขภาพ อย่าดูแค่เรื่องภาษีเงินได้ไม่เกิน 100,000 บาท แต่ต้องมองว่าเงินจำนวนนี้เพียงพอกับความต้องการไหม ดังนั้นการจะซื้อประกันในมุมภาษีสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ประกันชีวิต 100,000 ประกันสุขภาพ 25,000 บาท 2 ตัวรวมกันไม่เกิน 100,000 นี่คือความเข้าใจที่ถูกต้องในการลดหย่อนภาษี
2. กองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ SSFX
SSFX (Super Saving Fund Extra) เป็นกองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ กองทุนนี้เกิดจากความร่วมมือของกระทรวงการคลัง กับสำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดทุนไทย เงื่อนไขที่แตกต่างจาก SSF แบบปกติ คือไม่มีข้อจำกัดเรื่องเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาทแบบไม่มีเพดานรายได้ แปลว่าไม่ว่าผมมีรายได้ทั้งปีเท่าไหร่ ก็สามารถซื้อตัว SSFX ได้สูงสุด 200,000 บาท โดยจะมีระยะเวลาลงทุน 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ สามารถลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 65% ช่วงเวลาใช้สิทธิลดหย่อนตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 30 มิ.ย. 63
3. กองทุนเพื่อการออม SSF
SSF (Super Saving Fund) เป็นกองทุนเพื่อการออมระยะยาว อยู่ในกลุ่มเกษียณเหมือน RMF และยังเป็นตัวช่วยลดหย่อนภาษีที่มาแทนกองทุน LTF (Long Term Equity Fund) ที่หมดอายุไปเมื่อปี 2562 โดยลดหย่อนภาษี 30% ของเงินได้ ลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท มีระยะเวลาลงทุน 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ สามารถลงทุนกับสินทรัพย์ทุกประเภท ช่วงเวลาใช้สิทธิลดหย่อนตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 31 ธ.ค. 63
สมมติผมมีรายได้ 700,000 บาทต่อปี ซื้อกองทุน SFX ธรรมดาได้ 30% ของ 700,000 เท่ากับ 210,000 บาท โดยตัวนี้สามารถซื้อได้ทั้งปีเลยครับ
4. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF
หลายคนคงคุ้นเคยกับกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF (Retirement Mutual Fund) อยู่แล้ว ว่าเป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เพื่อการออมเงินระยะยาวไว้ใช้จ่ายเมื่อเกษียณ ไม่มีเงินปันผล เพราะเน้นการลงทุนระยะยาว ซึ่งปีนี้สามารถนำมาลดหย่อนภาษี 30 % ของเงินได้ ลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท ลงทุนไปเรื่อย ๆ ทุกปีจนถึงอายุ 55 ปี นับจากวันที่ซื้อ สามารถลงทุนกับสินทรัพย์ได้ทุกประเภท ช่วงเวลาใช้สิทธิลดหย่อนตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 31 ธ.ค. 63
ตัวอย่างเช่น ผมมีรายได้ 700,000 บาทต่อปี ซื้อ RMF ได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ ก็เท่ากับ 210,000 บาท แต่มีข้อแม้ว่าเมื่อไปรวมกับ SSF ด้านบนจะต้องไม่เกิน 500,000 บาทนะครับ ตรงนี้ถ้ายังไม่เข้าใจแนะนำให้ดูตารางด้านล่างประกอบไปด้วยครับ