
ความฝันของหลายคนที่อยากเป็นเจ้าของรถสักคัน รถในฝันที่พาเราและคนที่รักไปไหนต่อไหนได้อย่างอิสระแบบสบายๆ ครั้นจะซื้อเงินสดมันก็เป็นไปไม่ได้ งานผ่อนรถก็ต้องมา แต่หลายคนก็ไม่ชอบเป็นหนี้นานๆ ไง รู้สึกเสียดายดอกเบี้ย รู้สึกว่าการมีหนี้มันทรมานคับข้องใจ เลยอยากจะผ่อนสั้นๆ โปะได้โปะทุกครั้งที่มีโอกาส
เอาจริงๆ ส่วนใหญ่ความคิดแบบนี้มันมาจากเรื่องของความรู้สึกมากกว่าเหตุผลนะ และมันก็อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดที่สุด เพราะถ้าเรามีภาระอย่างอื่น หรือมีโครงการอยากทำธุรกิจหรือเดินตามความฝัน การผ่อนรถด้วยยอดผ่อนต่อเดือนต่ำๆและผ่อนไปนานๆ เนี่ย..มันกลับจะกลายเป็นฮีโร่ เป็นตัวช่วยเรามากกว่าเป็นฝันร้ายนะ
สิ่งที่เราควรทำความเข้าใจก่อนก็คือ..
- การเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย การเป็นหนี้ช่วยให้เราเป็นเจ้าของสินทรัพย์บางอย่างได้เลยโดยไม่ต้องรอเวลาโดยเฉพาะสินทรัพย์ราคาสูงอย่างบ้านหรือรถ เพราะเราสามารถใช้งานสิ่งนั้นไปแล้วก็จ่ายเงินไปพร้อมๆกันได้ ยิ่งถ้ามันเป็นรถยนต์ที่มูลค่าสมฐานะกำลังจ่ายของเรา มันคือหนี้ที่ไม่เลวทีเดียว
- เงินผ่อนรถต่อเดือนรวมกับเงินผ่อนบ้านแล้วไม่ควรเกิน 50-60% ของรายได้ ถ้าเพียงเพราะไม่อยากเป็นหนี้แล้วหักโหมผ่อนไปหนักๆ เราจะติดกับดักชีวิต ซึ่งนั่นหมายถึงเราอาจมีเงินไม่เหลือพอให้อยู่ให้กินในชีวิตประจำวัน สุดท้ายเราก็จะเงินขาดมือแล้วกลายไปเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้บัตรกดเงินสด หนี้ Personal Loan หรือหนี้นอกระบบนู่นเลย.. จากที่คิดว่าอยากหมดหนี้ไวไว ชีวิตจะกลายเป็นหนี้ท่วมหัวนานกว่าที่คิดไว้ จงคิดให้ดีดี
- หนี้ผ่อนรถเป็นหนี้ที่ถือว่าดอกเบี้ยถูก คิดง่ายๆ แบบนี้นะ.. ดอกเบี้ยผ่อนรถน่ะถ้าคิดเป็นอัตราที่แท้จริง (Effective rate) มันตกเฉลี่ยอยู่ที่ 6-9% ต่อปี พอรู้แบบนี้..เราจะเห็นชัดๆ ว่าอัตราดอกเบี้ยผ่อนรถนั้นต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตหรือ Personal Loan ทั้งหลายทั้งปวงที่ปกติอยู่ที่ 20-28% ต่อปี ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะมันมี “หลักประกัน” คือ ตัวรถยนต์ ค้ำหนี้ก้อนนี้อยู่ไง ถ้าเราเบี้ยวไม่จ่าย คนให้กู้เค้าก็จะมายึดไปขายทอดตลาดเอาเงินคืนได้ ในขณะที่หนี้บัตรเครดิตหรือ Personal Loan มันเป็นเงินกู้แบบที่ “ไม่มีหลักประกัน” ถ้าเราเบี้ยวหนี้ เค้าต้องไปตามล่าตัวเรา แล้วฟ้องเอาสินทรัพย์อย่างอื่นของเราไปขายใช้หนี้ ซึ่งจุดนี้เค้าก็ไม่รู้จะได้อะไรบ้าง เมื่อไม่รู้เมื่อมีความเสี่ยง เค้าก็เลยคิดดอกเบี้ยเราสูงๆ ไง..
ดังนั้น...การผ่อนรถต่อเดือนน้อยๆ แล้วยืดระยะเวลาไปนานๆ จะกลายเป็นทางเลือกที่ฉลาด เป็นตัวช่วยเราได้ถ้า…
- เราผ่อนบ้านก็หนักแล้ว เช่น ผ่อนบ้านก็ปาเข้าไป 40% ของรายได้ ผ่อนรถน้อยๆ แล้วเอาเงินที่คิดว่าจะมาผ่อนรถเพิ่มไปใช้กินอยู่ประจำวันให้พอเถอะ จะได้ไม่ต้องเกิดภาวะเงินขาดมือ ไปรูดบัตรเครดิตก่อหนี้ กดเงินสดฉุกเฉินมาใช้ ถ้าคิดว่าใช้แล้วเหลือติดกันสักหกเจ็ดเดือน ที่นี้จะเพิ่มยอดผ่อนก็มาว่ากัน
- เราไม่ได้มีเงินสดสำรองเผื่อฉุกเฉินไว้กับตัวหรือที่เค้าเรียกว่า Emergency Fund ที่เค้าว่ากันว่าคนเราควรมีเงินไว้ให้อุ่นใจอย่างน้อย 3-6 เท่าของรายได้ หรืออย่างน้อยก็รายจ่ายประจำของเรา เผื่อว่าวันนึงเราตกงานเจ็บป่วยขึ้นมา ก็ยังอยู่ได้จนกว่าจะหางานได้ใหม่หรือแข็งแรงดี ไม่ต้องพึ่งพาเงินสดฉุกเฉินดอกเบี้ยสูง ผ่อนรถน้อยๆ แล้วเอาเงินที่คิดว่าจะมาผ่อนรถเพิ่มไปเก็บเป็นเงินสดสำรองไว้ก่อน ถ้าเก็บจนมันได้ 3-6 เท่าของรายได้แล้ว จะโปะจะปิดรถก็มาว่ากัน
- เรามีหนี้บัตรเครดิตหรือ Personal Loan ที่อัตราดอกเบี้ยสูง ผ่อนรถน้อยๆ แล้วเอาเงินที่คิดว่าจะมาผ่อนรถเพิ่มไปจ่ายหนี้บัตรเครดิตกับ Personal Loan ให้หนักๆ เมื่อหนี้ดอกเบี้ยสูงพวกนั้นหมดแล้วจะโปะจะปิดรถก็มาว่ากัน
- เราต้องการใช้เงินไปลงทุนทำอะไรบางอย่าง เช่น ธุรกิจส่วนตัว ซึ่งคาดว่าจะได้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ย หรือถ้าเราไปขอกู้ยืมเงินเองอีกก้อนนึงต่างหากก็อาจจะไม่ผ่าน หรือผ่านแต่โดนคิดดอกเบี้ยสูงกว่า ผ่อนรถน้อยๆ แล้วเอาเงินที่คิดว่าจะมาผ่อนรถเพิ่มไปใช้ในโครงการลงทุนนั้น ทำสำเร็จแล้วจะโปะจะปิดรถก็มาว่ากัน
ตัวอย่างการคำนวณเปรียบเทียบ
| ราคารถ |
599,000 บาท |
| ดาวน์ 10% |
59,900 บาท |
| ยอดจัดไฟแนนซ์ |
539,100 บาท |
| ระยะเวลาชำระ (ปี) |
4 |
5 |
6 |
| จำนวนงวดผ่อน |
48 |
60 |
72 |
| ค่างวดต่อเดือน |
12,961 |
10,850 |
9,487 |
| ยอดเงินผ่อนทั้งหมด |
622,128 |
651,000 |
683,064 |
| ดอกเบี้ยทั้งหมด |
83,028 |
111,900 |
143,964 |
| ดอกเบี้ยต่อปี |
20,757 |
22,380 |
23,994 |
| อัตราดอกเบี้ย |
7.5% |
8.0% |
8.4% |
เทียบกับอะไรบ้าง
- ถ้าจะเอาไปลงทุน ถ้าผลตอบแทนคาดว่าจะได้สูงกว่า 10% ถือว่าคุ้ม
- ถ้ามีหนี้อื่นที่ดอกเบี้ยสูงกว่า อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต 20% อัตราดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด, personal loan 28% ดอกเบี้ยรถยนต์เฉลี่ยแล้วก็ยังถูกกว่าเยอะ...
พอจะเห็นภาพหรือยังว่าการผ่อนรถน้อยๆ ผ่อนไปนานๆ มันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด
อย่าให้ความคิดความเชื่อที่ได้เห็นได้ยินมาทำลายทางเลือกในการจัดการชีวิต จัดการเงินของเรา
การเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องแย่ ถ้าเรารู้ว่าเป็นหนี้ไปทำไม มีกำลังจ่าย และได้เปรียบเทียบเพื่อเลือกทางเลือกที่ฉลาดที่สุดแล้ว