การทำธุรกิจใด ๆ ก็ตาม ย่อมมุ่งหวังการสร้างผลตอบแทนจากเงินลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังนั้นความรู้เรื่องการเงินกับการทำธุรกิจจึงย่อมเป็นสิ่งสำคัญ วันนี้ เรามาดูกันว่า ความรู้ทางการเงินที่จำเป็นได้แก่อะไรบ้าง และเราจะหาข้อมูลเหล่านี้ได้จากที่ใด
นับเป็นความรู้พื้นฐานที่สำคัญที่สุด ธุรกิจจำเป็นต้องรู้ว่า มีกระแสเงินไหลเข้า และไหลออกไปกับกิจกรรมใดบ้าง รายได้ที่ได้รับในแต่ละเดือนเป็นกระแสเงินสดหรืออยู่ในรูปของลูกหนี้การค้า มีสัดส่วนเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับกระแสเงินสดไหลออก สัดส่วนดังกล่าวเหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจของเราหรือไม่ และปริมาณการสำรองเงินสดหมุนเวียนควรเป็นเท่าไร สำหรับเจ้าของธุรกิจขนาดกลางหรือใหญ่อาจจะมีการจ้างฝ่ายบัญชีเพื่อจัดทำงบการเงินอยู่แล้ว แต่เจ้าของธุรกิจเองก็ควรจะอ่านงบการเงินเหล่านี้ให้เป็น ไม่ว่าจะเป็นงบดุล งบกระแสเงินสด หรืองบกำไรขาดทุน ส่วนในธุรกิจขนาดเล็ก
การทำบัญชีรายรับ รายจ่ายอย่างง่าย ๆ ด้วยตัวเองก็เพียงพอแล้ว เพื่อให้เห็นผลการดำเนินงานของธุรกิจในแต่ละเดือน ทั้งยังใช้สังเกตเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น เช่น หากพบค่าใช้จ่ายที่ค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นในทุก ๆ เดือน เราควรจะต้องให้ความใส่ใจ และติดตามหาสาเหตุเพื่อแก้ไขต่อไป
ถึงแม้ว่าการทำบัญชีจะเป็นการบันทึกตัวเลขในอดีต แต่เจ้าของธุรกิจก็ควรให้ความสำคัญกับการคาดการณ์ในอนาคตด้วย ตัวอย่างเช่น การประเมินรายรับ รายจ่ายของธุรกิจในสามเดือนข้างหน้า โดยเราสามารถใช้ตัวเลขการประมาณการณ์นี้เพื่อควบคุมการดำเนินงาน เช่น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเดือนละ 3% ธุรกิจจึงตั้งมาตรการดูแลยอดขายให้สูงขึ้น 5% ทุกเดือน และควบคุมการใช้จ่ายให้คงที่
การประเมินการลงทุนในอนาคต
ในส่วนของการทำโปรเจกต์ใหม่ ๆ เจ้าของธุรกิจควรจะมีความรู้ในการประเมินมูลค่าของโครงการที่กำลังจะตัดสินใจลงทุน หากพบว่า โครงการมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุน ก็ย่อมทำให้
การตัดสินใจลงทุนขึ้น ซึ่งในการวิเคราะห์ จำเป็นต้องมีความเข้าใจในธุรกิจ และสามารถเลือกใช้ปัจจัยในการคำนวณได้อย่างเหมาะสม จึงจะทำให้ได้ผลการประเมินที่น่าเชื่อถือ
เจ้าของธุรกิจอาจเริ่มศึกษาความรู้ทางบัญชีด้วยตนเองจากการอ่านหนังสือ หรือหาคอร์สอบรมสั้น ๆ สำหรับพื้นฐานทางบัญชี และการเงิน เช่น การอบรมกับสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นต้น
การหาแหล่งเงินทุน และการใช้เครื่องมือทางการเงิน
ช่องทางการเข้าถึงเงินทุนที่มีดอกเบี้ยต่ำ ไม่ว่าจะเป็นการขอ
สินเชื่อที่มีรูปแบบเหมาะสมกับธุรกิจจากธนาคาร การร่วมลงทุนกับบริษัทคู่ธุรกิจ หรือแม้แต่ Venture Capital หรือ
Crowd Funding นอกจากนี้ เจ้าของธุรกิจควรจะมีความรู้ในผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อต่อยอดการลงทุน เช่น ซื้อกองทุนที่มีสภาพคล่องสูง ดอกเบี้ยสูง ความเสี่ยงต่ำเพื่อพักเงิน หรือใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อลดความเสี่ยงด้วยการทำ hedging สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยน
กฎหมายภาษีเบื้องต้นสำหรับห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทที่นิติบุคคลมีหน้าที่ในการยื่นงบการเงิน การยื่นภาษีนิติบุคคล การหักภาษี ณ ที่จ่าย การเลือกรูปแบบการเสียภาษี รวมไปถึงการลดหย่อนภาษีให้ถูกต้องตามลักษณะการจดทะเบียน ความรู้ทางด้านภาษีเบื้องต้นสามารถศึกษาได้เองทางเว็บไซต์ หรือาจจะใช้บริการ call center ของ
กรมสรรพากร หรือหากไม่มั่นใจจริง ๆ ก็สามารถใช้บริการจัดจ้างที่ปรึกษาทางด้านภาษีได้ครับ การจัดการทางด้านภาษีที่ถูกต้องตั้งแต่ต้นจะช่วยลดความเสี่ยงในการถูกตรวจสอบย้อนหลังและประเมินภาษีเพิ่มเติมพร้อมเบี้ยปรับในอนาคตครับ
การบริหารการเงินภายในธุรกิจ
เกร็ดความรู้บางอย่าง เช่น ธุรกิจควรจ่ายผลตอบแทนเป็นเงินเดือนให้แก่เจ้าของ วิธีการบริหารลูกหนี้การค้า สวัสดิการที่ต้องจ่ายให้กับพนักงานตามกฎหมาย ความรู้เหล่านี้นับว่ามีความสำคัญ โดยเราสามารถเรียนรู้ได้จากผู้มีประสบการณ์ หรืออาจเข้าร่วมสัมมนา หาบทความอ่าน
คลิก เพื่อสั่งสมเป็นความรู้ และนำมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจเราได้ครับ
การหาความรู้ทางการเงินข้างต้น นอกจากจะได้รับจากการพูดคุยกับผู้มีประสบการณ์ การอ่านหนังสือ หรือการเข้าอบรมแล้ว อีกหนึ่งคลังข้อมูลที่สำคัญที่สุด คือ จากตัวธุรกิจของเราเองครับ
เพราะการศึกษาไม่สามารถช่วยให้เราได้เรียนรู้ได้ดีเท่ากับการประยุกต์ใช้
และเรียนรู้จากผลของการลงมือทำ