About Plean เพลิน
แนะนำ GURU
www.krungsri.com
หน้าหลัก
Lifestyle
Guru Financial
Business
Innovation
Podcast
×
Share
×
Share
เมนูเกี่ยวกับกรุงศรี
×
หน้าหลัก
Lifestyle
Eat & Travel
Shopping
Living
Guru Financial
Plan Your Money
Financial
Investment
Money tips
Business
Management
Inspiration & Success Case
Innovation
Innovation Sub 1
Innovation Sub 2
Podcast
เรื่องเงินย่อยง่าย
เรื่องชีวิตคิดง่าย
อัปเดตยื่นภาษี 2563 ทุกคำถามเรื่องภาษี ที่นี่มีคำตอบ
By Krungsri Plearn Plearn
เข้าสู่ปีใหม่ทีไรหลายคนมักจะตั้งเป้าหมาย
New Year’s Resolution
ลงมือทำสิ่งดี ๆ พัฒนาตัวเอง ถ้าปีที่แล้วยังทำไม่สำเร็จ ก็มาลุยกันต่อในปีนี้ ขณะที่บางคนอาจกำลังลุ้นโบนัสกันตัวโก่ง แต่ไม่ว่าคุณจะมีกิจกรรมมากมายแค่ไหน สิ่งสำคัญที่ไม่ควรลืมเลยคือการยื่นภาษี ซึ่งเป็นหน้าที่ของมนุษย์เงินเดือนอย่างเราที่ต้องวางแผนให้รอบคอบ เช็กให้ชัวร์ว่ารายได้ของทั้งหมดในปี 2562 ต้องจ่ายภาษีเท่าไหร่ เพื่อจะนำไปยื่นภาษีในปี 2563 นี้ และสิทธิ
เข้าสู่ปีใหม่ทีไรหลายคนมักจะตั้งเป้าหมาย
ลดหย่อนภาษี
ที่แตกต่างจากปีอื่น ๆ มีอะไรบ้าง มาอัปเดตเงื่อนไขยื่นภาษีปี 2563 พร้อมกันเลย
ใครต้องยื่นภาษีบ้าง?
บุคคลที่มีรายได้ทุกคน ต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งแม้จะมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี ก็ต้องยื่นแบบภาษีประจำปี ปีละ 1 ครั้ง ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. – 31 มี.ค. เพื่อแสดงรายได้สะสมในช่วงปีที่ผ่านมา
ถ้าอยากรู้ว่าเราจะต้องเสียภาษีเท่าไร ให้คำนวณรายได้สุทธิของตัวเองก่อนจากสูตร
“เงินได้ - ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อนภาษี = เงินได้สุทธิ”
ซึ่งค่าใช้จ่ายจะเหมาจ่าย 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท เมื่อได้จำนวนเงินได้สุทธิแล้วจึงมาเทียบดูอัตราภาษีที่ต้องเสีย ซึ่งปีนี้ยังคงใช้อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหมือนกับปี 2560 นั่นก็คือการเก็บภาษีตามขั้นบันได ตั้งแต่ 5-35% มีวิธีการคำนวณคือ
“ภาษีที่ต้องจ่าย = เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี”
สามารถดูอัตราภาษีได้จากตารางด้านล่างเลยครับ
อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
เงินได้สุทธิต่อปี
อัตราภาษีเงินได้
0-150,000 บาท
ได้รับการยกเว้นภาษี
150,001-300,000 บาท
5%
300,001 – 500,000 บาท
10%
500,001-750,000 บาท
15%
750,001-1,000,000 บาท
20%
1,000,001 - 2,000,000 บาท
25%
2,000,001 – 5,000,000 บาท
30%
5,000,001 บาทขึ้นไป
35%
อัปเดตรายการลดหย่อนภาษี 5 กลุ่ม รู้ไว้ไม่เสียสิทธิ
ก่อนจะไปเริ่มคำนวณภาษีตามอัตราที่กำหนด เราก็ต้องมาพิจารณาก่อนว่า ตัวเราเองใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอะไรได้บ้าง? เพราะถ้าไม่ลดหย่อนอะไรเลยคนที่มีรายได้เยอะก็คงถึงขั้นต้องขอผ่อนจ่ายค่าภาษีกันเลยทีเดียว ฉะนั้นเรามารักษาสิทธิลดหย่อนภาษีให้เต็มที่กันดีกว่านะครับ ซึ่งปีนี้มีรายการลดหย่อนภาษีที่บังคับใช้ใหม่คือ ค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยวไทย การซื้ออุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์การศึกษา หนังสือ สินค้า OTOP และการซื้อบ้านหลังแรก ตรวจสอบให้ดีว่าค่าใช้จ่ายแบบไหน สินค้าอะไรนำมาลดหย่อนได้บ้าง จะได้คำนวณภาษีเงินได้อย่างถูกต้องกัน
ค่าลดหย่อนภาษี 5 กลุ่มที่คนจ่ายภาษีต้องรู้
กลุ่มที่ 1 ค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว
ค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว
จำนวน
1
ค่าลดหย่อนส่วนตัวสำหรับคนมีเงินได้ทุกคน
60,000 บาท
2
ค่าลดหย่อนคู่สมรส
*สำหรับคู่สมรสที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายและไม่มีเงินได้ หรือมีเงินได้แต่ยื่นแบบแสดงรายการคำนวณภาษีพร้อมกัน
60,000 บาท
3
ค่าลดหย่อนบุตร ต่อ 1 คน
*หากเป็นบุตรโดยกฎหมายสามารถนำมาหักได้ไม่จำกัดจำนวนคน
*ในกรณีที่เป็นบุตรบุญธรรม หรือมีทั้งบุตรบุญธรรมและบุตรโดยกฎหมาย สามารถหักได้ไม่เกิน 3 คน ซึ่งตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบันตามนโยบายรัฐฯ ส่งเสริมให้เพิ่มประชากร คู่สมรสที่มีลูกคนที่ 2 ขึ้นไป รับสิทธิ์เพิ่มอีก 30,000 บาท ต่อคน รวมเป็น 60,000 บาท
30,000 บาท
4
ค่าลดหย่อนฝากครรภ์และคลอดบุตร
*หากตั้งท้องปีนี้ แต่กำหนดคลอดปีหน้า ให้ลดหย่อนตามปีที่ใช้สิทธิ แต่รวมกันต้องไม่เกิน 60,000 บาท
ไม่เกินปีละ 60,000 บาท
5
ค่าลดหย่อนเลี้ยงดูพ่อแม่ และคู่สมรสอายุ 60 ปีขึ้นไป
*สูงสุดไม่เกิน 4 คน โดยสิทธิในการเลี้ยงดูจะใช้ได้ครั้งเดียว เพราะฉะนั้นพ่อแม่ต้องระบุลงลายมือชื่อในหนังสือรับรองว่าลูกคนไหนเป็นคนเลี้ยงดู
คนละ 30,000 บาท
6
ค่าลดหย่อนเลี้ยงดูผู้พิการหรือคนทุพพลภาพ
*ในกรณีที่คนพิการหรือคนทุพพลภาพมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี และต้องมีใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าร่างกายบกพร่อง
คนละ 60,000 บาท
กลุ่มที่ 2 ค่าลดหย่อนกลุ่มประกัน เงินออมและการลงทุน
ค่าลดหย่อนกลุ่มประกัน เงินออมและการลงทุน
จำนวน
1
ประกันสังคม
ไม่เกิน 9,000 บาท
2
เบี้ยประกันชีวิต
ไม่เกิน 100,000 บาท
3
เบี้ยประกันสุขภาพ
ไม่เกิน 15,000 บาท
*และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท
4
เบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่
*ต้องเป็นบุตรตามกฎหมายเท่านั้น สิทธิประกันที่นำมาลดหย่อนต้องเป็นความคุ้มครองด้านใดด้านหนึ่งใน 4 กลุ่ม คือ ค่ารักษาจากการเจ็บป่วย อุบัติเหตุ โรคร้ายแรง และประกันคุ้มครองการพยาบาลสำหรับการเจ็บป่วยระยะยาว
ไม่เกิน 15,000 บาท
5
เบี้ยประกันชีวิตคู่สมรส
*กรณีที่คู่สมรสไม่มีเงินได้
ไม่เกิน 10,000 บาท
6
เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
*ในกรณีที่มีส่วนที่เกิน 10,000 แต่ไม่เกิน 15% ของรายได้ และไม่เกิน 490,000 บาท จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเอาไปคำนวณภาษี)
ไม่เกิน 10,000 บาท
7
เงินสะสมกองทุน กบข. และกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน
ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี หรือไม่เกิน 500,000 บาท
8
เงินสะสมจากกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)
ไม่เกิน 13,200 บาท
9
เบี้ยประกันชีวิตบำนาญ
*โดยมีเงื่อนไขคือเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และ RMF จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท
ไม่เกิน 15% ของเงินได้ และต้องไม่เกิน 200,000 บาท
10
กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)
*ต้องซื้อถือครองไว้อย่างน้อย 7 ปี พ.ศ.
ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 500,000 บาท
11
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
*เงื่อนไขคือต้องลงทุนต่อเนื่องถึงอายุ 55 ปี
ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 500,000 บาท
กลุ่มที่ 3 ค่าลดหย่อนอสังหาริมทรัพย์
ค่าลดหย่อนอสังหาริมทรัพย์
จำนวน
1
ดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัย
*เป็นดอกเบี้ยจากเงินกู้ซื้อบ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัย หากมีการกู้อยู่อาศัยมากกว่า 1 แห่ง สามารถใช้ลดหย่อนรวมกันได้ แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท และในกรณีที่กู้ร่วมกันหลายคน สามารถแบ่งดอกเบี้ยคนละเท่า ๆ กัน โดยรวมแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท ต่อคน
ไม่เกิน 100,000 บาท
2
ซื้อบ้านหลังแรก ปี พ.ศ. 2558
*ถ้าบ้านหรือคอนโดนั้นราคาไม่เกิน 3,000,000 บาท
20% ของค่าบ้าน ลดหย่อนภาษีได้ 5 ปี (ปีละ 4%)
3
ซื้อบ้านหลังแรก ปี พ.ศ. 2562
*ถ้าบ้านหรือคอนโดนั้นราคาไม่เกิน 5,000,000 บาท
ไม่เกิน 200,000 บาท
กลุ่มที่ 4 ค่าลดหย่อนกลุ่มเงินบริจาค
ค่าลดหย่อนกลุ่มเงินบริจาค
จำนวน
1
เงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา สนับสนุนการกีฬา และเงินบริจาคเพื่อประโยชน์สาธารณะ
หักได้ 2 เท่า แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
2
เงินบริจาคเพื่อสถานพยาบาลของรัฐ
หักได้ 2 เท่า แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
3
กลุ่มเงินบริจาคทั่วไป เช่น บริจาคเงินเพื่อสาธารณกุศล
ได้จำนวนตามที่บริจาคจริง แต่ต้องไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน และเงินบริจาค 2 กลุ่มแรก
4
เงินบริจาคให้พรรคการเมือง
สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
กลุ่มที่ 5 ค่าลดหย่อนตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ
ค่าลดหย่อนตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ
จำนวน
1
สินค้าในกลุ่มช้อปช่วยชาติ สินค้าการศึกษาและกีฬา หนังสือ สินค้า OTOP
ไม่เกิน 15,000 บาทต่อ 1 กลุ่ม
2
ท่องเที่ยวไทย > เที่ยวเมืองหลัก
ท่องเที่ยวไทย >
เที่ยวเมืองรอง
*รวมกันแล้วไม่เกิน 20,000 บาท
15,000 บาท
20,000 บาท
3
ค่าเสียหายจากพายุปาบึก
ค่าซ่อมบ้าน ไม่เกิน 100,000 บาท
ค่าซ่อมรถ ไม่เกิน 30,000 บาท
4
ค่าเสียหายจากพายุโพดุล พายุคาจิกิ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
ค่าซ่อมบ้าน ไม่เกิน 100,000 บาท
ค่าซ่อมรถและอื่นๆ ไม่เกิน 30,000 บาท
ยื่นอย่างไร ยื่นที่ไหน ยื่นเมื่อไร?
สำหรับใครที่มีรายได้จากเงินเดือนและโบนัส โดยไม่มีรายได้ประเภทอื่น ให้เตรียมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) พร้อมเอกสารประกอบการลดหย่อนภาษี เมื่อเตรียมเอกสารครบแล้ว ให้รีบยื่นแสดงภาษีให้เร็วที่สุด ซึ่งเปิดให้ยื่นได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 63 – 31 ส.ค. 63 โดยยื่นได้หลายช่องทาง ได้แก่
ยื่นแบบแสดงภาษีด้วยตัวเองที่กรมสรรพากร
ยื่นออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร
https://www.rd.go.th/
ซึ่งจะสามารถยื่นได้ถึงวันที่ 31 ส.ค. 63
ยื่นผ่านแอปพลิเคชั่น RD Smart Tax แต่ต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากรก่อน
เมื่อได้ข้อมูลอัปเดตการยื่นภาษีในปีนี้ไปแล้ว หวังว่าจะทำให้ผู้อ่านมีความเข้าใจในเรื่องของภาษี หลักการคำนวณ และการลดหย่อนภาษีต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เราวางแผนและใช้สิทธิได้คุ้มค่า จ่ายภาษีในอัตราที่ถูกลงและอาจได้รับเงินคืนอีกด้วย เพราะฉะนั้นทุกคนอย่าลืมศึกษาและใช้สิทธิลดหย่อนภาษีของตัวเองกันให้เต็มที่นะครับ
'); //]]>
ขอบคุณข้อมูลจาก:
https://money.kapook.com/
,
https://money.kapook.com/
,
https://www.rd.go.th/
,
http://www.efinancethai.com/
,
https://aommoney.com/
Tag:
ย้อนกลับ
ปรึกษาง่าย ได้ทุกเรื่องการเงิน
นัดเพื่อรับคำปรึกษา
คุยกับเรา 1572 กด 5
Follow