พอทำงานมาได้สักพัก เราอาจจะคิดเรื่องการก่อร่างสร้างตัว อยากมีบ้านหลังแรกเป็นของตัวเอง พยายามเก็บหอมรอมริบ ดูลู่ทางธนาคารเพื่อเตรียมกู้เงินมาซื้อบ้าน ผู้ซื้อบ้านมือใหม่อาจคิดว่า หากขอกู้ธนาคารผ่านก็เป็นอันได้บ้านหลังใหม่มาครอบครอง แต่จริง ๆ แล้วเราต้องเก็บเงินสดสำรองไว้อีกก้อนหนึ่งต่างหาก เพื่อรองรับกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นานาที่มาพร้อมกับภาระการกู้เงินผ่อนบ้าน
เรามาดูเช็กลิสต์กันดีกว่าครับว่า จะมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ที่เราต้องจ่ายเป็นเงินสดตอนซื้อบ้าน จะได้
ประเมินตนเองและตั้งเป้าหมายการเงินไว้ให้พร้อม
1. ค่าโอนบ้าน
ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายแก่กรมที่ดิน เมื่อต้องการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดิน อันได้แก่
- ค่าจดจำนอง 1% ของมูลค่าที่จำนอง (จำนวนเงินกู้ทั้งหมด)
- ค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมินหรือราคาขาย
- ค่าอากร 0.5% ของราคาซื้อขาย
ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ผู้ซื้อและผู้ขายควรทำข้อตกลงกันตั้งแต่ตอนตกลงซื้อขาย เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง ซึ่งเงินในส่วนนี้ต้องเตรียมเป็นเงินสดครับ
แต่หาก ณ ช่วงเวลานั้นเราหมุนเงินไม่ทัน เงินสดไม่พอจ่าย
สินเชื่อส่วนบุคคลก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถเลือกกู้ได้ โดยเฉพาะตอนนี้ เราสามารถกู้ได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องไปถึงธนาคาร อย่างเช่น สินเชื่อส่วนบุคคล
Krungsri iFIN เป็นสินเชื่อเงินกู้ออนไลน์ เพียงแค่มี
แอพพลิเคชั่น KMA ก็สามารถยื่นเรื่องกู้ได้ผ่านมือถือ สะดวกสบาย ขั้นตอนไม่เยอะ
2. ค่าจองและค่าส่วนกลาง
บ้านหรือคอนโดบางโครงการจะเรียกเก็บค่าส่วนกลางล่วงหน้า บางที่จะเรียกเก็บประมาณ 1 ปี ซึ่งนับเป็นจำนวนเงินหลักหมื่น หากไม่เตรียมการไว้จะขาดสภาพคล่องแน่นอนครับ เราจึงต้องเช็กค่าใช้จ่ายส่วนนี้กับทางโครงการก่อน และเก็บออมเงินก่อนตัดสินใจซื้อ
3. ค่าตกแต่งบ้าน
บ้านที่ซื้อมา แม้หลายโครงการจะสมนาคุณด้วยการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ครบ พร้อมย้ายเข้าอาศัย แต่เชื่อเถอะครับว่า บางครั้งเรายังต้อง
ต่อเติมบ้านให้เหมาะกับการอยู่อาศัยของเราอยู่ดี เราจึงควร
เตรียมเงินสดสำรองส่วนนี้ไว้ ในระหว่างที่โครงการกำลังสร้าง เราอาจจะใช้เวลาช่วงนี้ เก็บเงินเพิ่มเติมเพื่อรอแต่งบ้านก่อนจะย้ายเข้าครับ
4. ค่าประกันอัคคีภัย ค่าประกันภัยพิบัติ
ค่าประกันอัคคีภัย เป็น
ประกันที่คุ้มครองความปลอดภัยของตัวบ้าน ในกรณีเกิดไฟฟ้าลัดวงจร แก๊สรั่ว ไฟไหม้ ซึ่ง
เป็นสิ่งที่กฎหมายบังคับว่าต้องทำครับ โดยยอดจะอยู่ที่ 0.1% ของราคาบ้าน
ส่วนประกันภัยพิบัติเป็นทางเลือกเสริม ไม่ได้บังคับให้ทำครับ เพื่อป้องกันความสูญเสียอันเกิดจากอุทกภัย น้ำท่วม แผ่นดินไหว เป็นต้น โดยประกันส่วนนี้จะจ่ายค่าสินไหมชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านของเราครับ
5. ค่าประกันสินเชื่อบ้าน หรือประกันคุ้มครองหลักทรัพย์
ในกรณีผู้กู้เสียชีวิตหรือไม่สามารถชำระค่างวดบ้านต่อได้ วงเงินส่วนนี้จะคุ้มครองวงเงินที่บริษัทประกันจะชดใช้แก่ธนาคาร ไม่ตกเป็นภาระของคนในครอบครัว
ประกันตัวนี้จะถูกนำเสนอพร้อมกับการทำสินเชื่อบ้าน โดยไม่บังคับว่าต้องทำ แต่อาจถูกนำเสนอในรูปแบบที่ว่าหากทำประกันตัวนี้จะลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน ซึ่งยอดค่าทำประกันค่อนข้างสูง บางคนอาจมองว่าไม่จำเป็น แต่หากผู้กู้เป็นหัวหน้าครอบครัวก็ควรพิจารณาทำไว้ครับ
หลังจากทราบค่าใช้จ่ายในการกู้ซื้อบ้านแล้ว หลายคนอาจฉุกคิดและกลับไปประเมินตนเองกันใหม่ว่าพร้อมที่จะซื้อบ้านหรือยัง อันที่จริงการซื้อบ้านไม่ใช่เรื่องยากครับ บางครั้งสินเชื่อบางธนาคารจะมีโปรโมชั่นผ่อนชำระแบบดอกเบี้ยต่ำด้วย หากเรามีเงินก้อนในอนาคตก็สามารถนำมาโปะได้เพื่อลดต้นลดดอก เรื่องซื้อบ้านเราจึงควรหาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนซื้อครับ หรือหากอยากรู้ว่าควรออมเงินเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ ลองใช้เครื่องมือ
Plan Your Money ของธนาคารกรุงศรีฯ ดูก็ได้ครับ