มาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายย่อยด้วยวิธีการรวมหนี้

การปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายย่อยด้วยวิธีการรวมหนี้

ตัวอย่างการปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้ารายย่อยโดยวิธีการรวมหนี้ ตัวอย่างการปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้ารายย่อยโดยวิธีการรวมหนี้ กรณีที่ 1 ยืดระยะเวลาสินเชื่อรายย่อยอื่นให้เท่ากับสิเชื่อบ้านที่เหลือ ตัวอย่างการปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้ารายย่อยโดยวิธีการรวมหนี้ กรณีที่ 2 ยืดระยะเวลาสินเชื่อรายย่อยอื่นออกไป แต่สั้นกว่าสินเชื่อบ้านที่เหลือ
  1. สามารถเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2563 ถึง 31 ธันวาคม 2564
  2. เฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาระเศรษฐกิจอันเกิดจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สงครามการค้า และภัยธรรมชาติ มาอย่างต่อเนื่อง
  3. ผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (เฉพาะสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรีไฟแนนซ์) อยู่กับธนาคาร และมีสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่น อาทิ บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ หรือสินเชื่อที่เกิดจากการให้เช่าซื้อ ซึ่งไม่เป็นหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) หรือไม่เป็นหนี้ที่ค้างชำระเกินกว่า 90 วัน นับแต่วันครบกำหนดชำระ อยู่กับธนาคาร และ/หรือบริษัทในเครือของธนาคาร ที่ปัจจุบันยังคงมียอดหนี้คงค้างเหลืออยู่
  4. สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่มีอยู่กับธนาคารจะต้องมีการจดทะเบียนจำนองหลักประกันก่อนวันที่ 1 มีนาคม 2563 และมีสถานะทางบัญชีเป็นบัญชีปกติ ไม่เป็นหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) หรือไม่เป็นหนี้ที่ค้างชำระเกินกว่า 90 วัน นับแต่วันครบกำหนดชำระ
  5. ธนาคารจะดำเนินการรวมหนี้ด้วยวิธีการรวมยอดเงินต้นคงค้างของสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นเท่านั้น สำหรับดอกเบี้ยค้างรับของสินเชื่อรายย่อยดังกล่าวจะไม่ถูกนำมารวมหนี้
  6. ผู้เข้าร่วมโครงการต้องดำเนินการจดทะเบียนจำนองหลักประกันที่มีอยู่ให้กับธนาคาร และต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการจดทะเบียนดังกล่าว
  7. ในกรณีที่สินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นของผู้เข้าร่วมโครงการอยู่ในระหว่างการเข้าร่วมโครงการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ของธนาคาร และผู้เข้าร่วมโครงการต้องการนำสินเชื่อรายย่อยประเภทดังกล่าวมาเข้าร่วมโครงการนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการต้องทำการยกเลิกการขอรับความช่วยเหลือที่ได้รับอยู่แล้วก่อน
  8. เมื่อผู้เข้าร่วมโครงการได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการนี้ และมีความประสงค์ที่จะขอสินเชื่อใหม่เพิ่มเติมในภายหลัง ธนาคารขอสงวนสิทธิ์พิจารณาสินเชื่อใหม่ภายหลังจากจบโครงการตามมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทยในครั้งนี้ (หลังวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป)
  9. ธนาคารสงวนสิทธิ์ในการอนุมัติหรือปฏิเสธสิทธิในการเข้าร่วมโครงการเป็นไปตามหลักเกณฑ์และข้อกำหนดของธนาคาร
ลูกค้าต้องเตรียมเอกสารและเซ็นต์รับรองสำเนาทุกฉบับ ดังรายการต่อไปนี้
  1. สำเนาบัตรประชาชน ผู้กู้ และคู่สมรส (ถ้ามี)
  2. สำเนาทะเบียนบ้าน ผู้กู้ และคู่สมรส (ถ้ามี)
  3. สำเนาบัตรประชาชน ผู้กู้ร่วม และคู่สมรส (ถ้ามี)
  4. สำเนาทะเบียนบ้าน ผู้กู้ร่วม และคู่สมรส (ถ้ามี)
  5. สำเนาใบทะเบียนสมรส หย่า ใบแจ้งความว่าแยกกันอยู่ (ถ้ามี)
  6. แบบฟอร์ม ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลทางโทรสาร (NCB Consent)
  7. สำเนาเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ของหลักประกันที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ เช่น โฉนดที่ดิน หรือหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด
  8. สำเนาใบแจ้งยอดบัญชี (Statement) ล่าสุดของสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ
  9. เอกสารหลักฐานที่แสดงถึงผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจอันเกิดจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื่อไวรัสโคโรนา 2019 สงครามการค้า และภัยธรรมชาติมาอย่างต่อเนื่อง เช่น เอกสารแสดงรายได้สำหรับผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วม (ถ้ามี) ที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการรวมหนี้
กรณีบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ประจำ
  • หนังสือรับรองการทำงานหรือสำเนาสลิปเงินเดือน (ฉบับล่าสุด) ที่แสดงถึงผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจอันเกิดจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สงครามการค้า และภัยธรรมชาติ มาอย่างต่อเนื่อง
  • สำเนา statement ของธนาคารย้อนหลังตั้งแต่เดือนที่ได้รับผลกระทบจนถึงเดือนปัจจุบัน
กรณีบุคคลธรรมดาที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว
  • สำเนา Statement ของธนาคารย้อนหลังตั้งแต่เดือน มกราคม 2563 - ปัจจุบัน
Q1:  รายละเอียดของโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายย่อยด้วยวิธีการรวมหนี้ (Debt Consolidation) คืออะไร
A1:  เป็นการรวมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่น อาทิ สินเชื่อบุคคล สินเชื่อบัตรเครดิต หรือสินเชื่อเช่าซื้อ เป็นต้น ของลูกหนี้ภายใต้สถาบันการเงินเดียวกัน เพื่อเป็นทางเลือกในการช่วยเหลือและบรรเทาภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ โดยใช้ประโยชน์จาก หลักประกันในส่วนของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่มีเหลืออยู่

Q2:  เงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการมีอะไรบ้าง
A2:  เงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการมีดังนี้
  1. เฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาระเศรษฐกิจอันเกิดจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สงครามการค้า และภัยธรรมชาติ มาอย่างต่อเนื่อง
  2. ผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (เฉพาะสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรีไฟแนนซ์) อยู่กับธนาคาร และมีสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่น อาทิ บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ หรือสินเชื่อที่เกิดจากการให้เช่าซื้อ ซึ่งไม่เป็นหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) หรือไม่เป็นหนี้ที่ค้างชำระเกินกว่า 90 วัน นับแต่วันครบกำหนดชำระ อยู่กับธนาคาร และ/หรือบริษัทในเครือของธนาคาร ที่ปัจจุบันยังคงมียอดหนี้คงค้างเหลืออยู่
  3. สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่มีอยู่กับธนาคารจะต้องมีการจดทะเบียนจำนองหลักประกันก่อนวันที่ 1 มีนาคม 2563 และมีสถานะทางบัญชีเป็นบัญชีปกติ ไม่เป็นหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) หรือไม่เป็นหนี้ที่ค้างชำระเกินกว่า 90 วัน นับแต่วันครบกำหนดชำระ
  4. ธนาคารจะดำเนินการรวมหนี้ด้วยวิธีการรวมยอดเงินต้นคงค้างของสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นเท่านั้น สำหรับดอกเบี้ยค้างรับของสินเชื่อรายย่อยดังกล่าวจะไม่ถูกนำมารวมหนี้
  5. ผู้เข้าร่วมโครงการต้องดำเนินการจดทะเบียนจำนองหลักประกันที่มีอยู่ให้กับธนาคาร และต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการจดทะเบียนดังกล่าว
  6. สามารถเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2563 ถึง 31 ธันวาคม 2564
  7. ในกรณีที่สินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นของผู้เข้าร่วมโครงการอยู่ในระหว่างการเข้าร่วมโครงการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ของธนาคาร และผู้เข้าร่วมโครงการต้องการนำสินเชื่อรายย่อยประเภทดังกล่าวมาเข้าร่วมโครงการนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการต้องทำการยกเลิกการขอรับความช่วยเหลือที่ได้รับอยู่แล้วก่อน
  8. เมื่อผู้เข้าร่วมโครงการได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการนี้ และมีความประสงค์ที่จะขอสินเชื่อใหม่เพิ่มเติมในภายหลัง ธนาคารขอสงวนสิทธิ์พิจารณาสินเชื่อใหม่ภายหลังจากจบโครงการตามมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทยในครั้งนี้ (หลังวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป)
  9. ธนาคารสงวนสิทธิ์ในการอนุมัติหรือปฏิเสธสิทธิในการเข้าร่วมโครงการเป็นไปตามหลักเกณฑ์และข้อกำหนดของธนาคาร

Q3:  ถ้าลูกค้ามีสินเชื่อบ้านอยู่กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา แต่มีสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นกับสถาบันการเงินอื่น จะขอเข้าร่วมโครงการได้หรือไม่
A3:  โครงการดังกล่าวใช้ได้กับสินเชื่อที่อยู่ภายใต้สถาบันการเงินเดียวกันเท่านั้น

Q4:  ประโยชน์ที่ลูกค้าได้รับจากโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายย่อยด้วยวิธีการรวมหนี้ (Debt Consolidation) คืออะไร
A4:  
  1. ไม่เสียประวัติข้อมูลเครดิต
  2. ลดภาระหนี้ทั้งดอกเบี้ยและค่างวด
  3. ไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าปรับ เป็นต้น ยกเว้น มีค่าจำนองร้อยละ 0.01 ของวงเงินรวมจากการรวมหนี้
  4. สามารถใช้วงเงินบัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่เหลือได้ (ตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้)

Q5:  เอกสารประกอบการดำเนินการ มีอะไรบ้าง
A5:  ลูกค้าต้องเตรียมเอกสารและเซ็นต์รับรองสำเนาทุกฉบับ ดังรายการต่อไปนี้
  1. สำเนาบัตรประชาชน ผู้กู้ และคู่สมรส (ถ้ามี)
  2. สำเนาทะเบียนบ้าน ผู้กู้ และคู่สมรส (ถ้ามี)
  3. สำเนาบัตรประชาชน ผู้กู้ร่วม และคู่สมรส (ถ้ามี)
  4. สำเนาทะเบียนบ้าน ผู้กู้ร่วม และคู่สมรส (ถ้ามี)
  5. สำเนาใบทะเบียนสมรส หย่า ใบแจ้งความว่าแยกกันอยู่ (ถ้ามี)
  6. แบบฟอร์ม ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลทางโทรสาร (NCB Consent)
  7. สำเนาเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ของหลักประกันที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ เช่น โฉนดที่ดิน หรือหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด
  8. สำเนาใบแจ้งยอดบัญชี (Statement) ล่าสุดของสินเชื่อรายย่อยที่ไม่มีหลักประกันที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ
  9. เอกสารหลักฐานที่แสดงถึงผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจอันเกิดจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื่อไวรัสโคโรนา 2019 สงครามการค้า และภัยธรรมชาติมาอย่างต่อเนื่อง เช่น เอกสารแสดงรายได้สำหรับผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วม (ถ้ามี) ที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการรวมหนี้
กรณีบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ประจำ
  • หนังสือรับรองการทำงานหรือสำเนาสลิปเงินเดือน (ฉบับล่าสุด) ที่แสดงถึงผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจอันเกิดจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สงครามการค้า และภัยธรรมชาติ มาอย่างต่อเนื่อง
  • สำเนา statement ของธนาคารย้อนหลังตั้งแต่เดือนที่ได้รับผลกระทบจนถึงเดือนปัจจุบัน
กรณีบุคคลธรรมดาที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว
  • สำเนา Statement ของธนาคารย้อนหลังตั้งแต่เดือน มกราคม 2563 - ปัจจุบัน

Q6:  กรณีลูกค้าอยู่ระหว่างการเข้าร่วมโครงการมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 จะสามารถเข้าร่วมโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายย่อยด้วยวิธีการรวมหนี้ (Debt Consolidation) ได้หรือไม่
A6:  ลูกค้าสามารถเลือกรับความช่วยเหลือได้เพียง มาตราการใดมาตรการหนึ่งเท่านั้น กรณีหากลูกค้ามีสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นๆ ที่อยู่ในระหว่างการได้รับความช่วยเหลือจากโครงการมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 อยู่แล้ว และต้องการนำบัญชีสินเชื่อรายย่อยเดียวกันนั้น มาเข้าในโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายย่อยด้วยวิธีการรวมหนี้ (Debt Consolidation)ดังกล่าว ลูกค้าต้องทำการยกเลิกมาตราการช่วยเหลือฯ ที่รับบริการอยู่ในขณะนั้นก่อน ทั้งนี้ทางธนาคารแนะนำให้ลุกค้าเลือกโครงการที่ดีที่สุด และเหมาะสมที่สุดกับตัวลูกค้าเอง

Q7:  กรณีลูกค้าเข้าร่วมโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายย่อยด้วยวิธีการรวมหนี้ (Debt Consolidation) แล้ว และต้องการเข้าร่วมใหม่ได้หรือไม่ จำกัดการเข้าร่วมกี่ครั้ง
A7:  สามารถเข้าร่วมได้แต่ทั้งนี้ต้องเป็นการรวมหนี้จากต่างผลิตภัณฑ์ เช่นครั้งแรกลูกค้านำเอาสินเชื่อบุคคลมาเข้าโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายย่อยด้วยวิธีการรวมหนี้ (Debt Consolidation) และต่อมาต้องการนำเอาสินเชื่อบัตรเครดิต มาเข้าโครงการดังกล่าวอีกครั้งโดยใช้หลักประกันเดียวกัน ลูกค้าสามารถเข้าร่วมได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิจารณาเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

Q8:  กรณีลูกค้าสมัครเข้าร่วมโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายย่อยด้วยวิธีการรวมหนี้ (Debt Consolidation) แล้ว จะมีผลต่อการพิจารณาในการขอสินเชื่อในอนาคตหรือไม่
A8:  เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายย่อยด้วยวิธีการรวมหนี้ (Debt Consolidation) และให้ลูกค้าเมื่อรวมหนี้แล้วยังคงมีสภาพคล่องที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตประจำวัน หรือดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ดังนั้น การพิจารณาสินเชื่อจะต้องรอหลังสิ้นสุดมาตรการของ ธปท กล่าวคือ การพิจารณาสินเชื่อใหม่ จะเริ่มพิจารณาให้ลูกค้าได้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 แต่ทั้งนี้กรณีที่ลูกค้ามีการปิดวงเงินสินเชื่อที่มาจากการรวมหนี้แล้ว การพิจารณาสินเชื่อใหม่จะมีระยะเวลารอคอย 6 เดือนหลังจากปิดชำระไปแล้ว ทางธนาคารจึงจะพิจารณาสินเชื่อใหม่ให้ได้

Q9:  กรณีลูกค้ามีสินเชื่อบุคคลกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา และมีบัตรกดเงินสดจากบัญชีสินเชื่อบุคคลดังกล่าว ลูกค้ายังสามารถกดเงินสดจากบัตรดังกล่าวได้หรือไม่
A9:  เมื่อธนาคารได้รับเอกสารสมัครเข้าร่วมโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายย่อยด้วยวิธีการรวมหนี้ (Debt Consolidation)จากลูกค้า และสินเชื่ออยู่ในระหว่างการพิจารณา ธนาคารจะดำเนินการ Hold วงเงินบัตรกดเงินสดไว้ก่อนเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาสินเชื่อในโครงการดังกล่าว และหากสินเชื่อได้รับการอนุมัติ ธนาคารจะคืนวงเงินบัตรกดเงินสด โดยลดวงเงินเหลือเพียง 10% ของวงเงินที่ใช้ได้ในขณะที่ทำการอนุมัติ หรือขั้นต่ำ 5,000 บาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกค้าในกรณีฉุกเฉิน (ขึ้นกับวงเงินคงเหลือ และที่สามารถเบิกใช้ได้ของลูกค้าแต่ละราย)

Q10: หากลูกค้าไม่สามารถเข้าร่วมโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายย่อยด้วยวิธีการรวมหนี้ (Debt Consolidation) ได้ ลูกค้ายังสามารถขอเข้าร่วมโครงการอื่นๆ ของธนาคารได้หรือไม่
A10: ลูกค้าสามารถเข้าร่วมโครงการอื่นๆ ตามมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ธนาคารมีได้ เช่น มาตรการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย หรือมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นอย่างเดียว หรือดอกเบี้ยอย่างเดียว หรือเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ เป็นต้น

Q11: หากลูกค้ามีบัญชีสินเชื่อบ้านเป็นบัญชีกู้ร่วม และต้องการนำสินเชื่อบุคคล มาเข้าร่วมโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายย่อยด้วยวิธีการรวมหนี้ (Debt Consolidation) ลูกค้าสามารถดำเนินการทำเรื่องขอได้หรือไม่
A11: ลูกค้าสามารถเข้าร่วมโครงการได้ ทั้งนี้ลูกค้าต้องมีการลงนามในสัญญาเงินกู้ฉบับใหม่ โดยวงเงินของสัญญาฉบับดังกล่าวจะเป็นวงเงินของการรวมหนี้ตามที่ลูกค้าแจ้งความประสงค์และธนาคารได้อนุมัติวงเงินดังกล่าว ทั้งนี้ลูกค้าทุกท่านที่อยู่ในสัญญาเงินกู้สินเชื่อบ้านต้องมีการทำธุรกรรมจำนองที่กรมที่ดิน

Q12: อัตราดอกเบี้ยสำหรับวงเงินที่มาจากโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายย่อยด้วยวิธีการรวมหนี้ (Debt Consolidation) คิดอัตราดอกเบี้ยต่อปี เท่าไหร่
A12: อัตราดอกเบี้ยคิดที่ MRR ตามประกาศของธนาคาร ตลอดอายุเงินกู้

Q13: ธนาคารใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่ สำหรับการพิจารณาอนุมัติโครงการสำหรับลูกค้า
A13: ธนาคารจะใช้เวลาประมาณ 14 วันทำการในการดำเนินการ นับจากได้รับเอกสารครบถ้วนและสมบูรณ์
 
Q14: เหตุผลใดบ้างที่ลูกค้าอาจจะไม่ได้รับการพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายย่อยด้วยวิธีการรวมหนี้ (Debt Consolidation)
A14:
  1. ลูกค้าไม่ได้รับผลกระทบที่ได้รับผลกระทบจากภาระเศรษฐกิจอันเกิดจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สงครามการค้า และภัยธรรมชาติ มาอย่างต่อเนื่อง
  2. ขาดความสามารถในการชำระหนี้หรือรายได้ไม่เพียงพอต่อภาระหนี้ทั้งหมดจากโครงการรวมหนี้
  3. สินเชื่อรายย่อยอื่นๆ ที่นำมาสำหรับโครงการรวมหนี้ เป็นสินเชื่อต่างสถาบันการเงิน
  4. สถานะการผ่อนชำระของสินเชื่อบ้านไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของธนาคาร
  5. วงเงินส่วนเหลือของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่มีการชำระคืนมายังธนาคาร ไม่เพียงพอต่อการรวมหนี้จากสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นๆ
  6. ลูกค้าให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือข้อมูลเป็นเท็จต่อธนาคาร
ทั้งนี้ ธนาคารสงวนสิทธิ์ในการอนุมัติหรือปฏิเสธสิทธิในการเข้าร่วมโครงการเป็นไปตามหลักเกณฑ์และข้อกำหนดของธนาคาร


Q15: หากลูกค้าสนใจเข้าร่วมโครงการต้องดำเนินการอย่างไร
ลูกค้าเตรียมเอกสารประกอบการดำเนินการตามรายการดังกล่าวข้างต้น พร้อมกรอกแบบฟอร์มคำขอเข้าร่วมโครงการ และยื่นผ่านสาขาของธนาคาร หรือส่งเอกสารทางไปรษณีย์ มาที่
ฝ่ายผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ชั้น 10A (โครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายย่อยด้วยวิธีการรวมหนี้)
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) สำนักงานใหญ่
เลขที่ 1222 ชั้น 10 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ 10120

โครงการรับเรื่องจากลูกค้าที่ขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกค้ารายย่อยด้วยวิธีการรวมหนี้

โปรดศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขก่อนเข้าร่วมโครงการ

หมายเหตุ : สินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นที่สามารถเข้าร่วมโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายย่อยด้วยวิธิการรวมหนี้ ได้แก่ สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต และสินเชื่อยานยนต์ของธนาคาร และ/หรือ บริษัทในเครือของธนาคาร (ยกเว้น บัตรเครดิตเทสโก้ โลตัส วีซ่า และบริษัท เงินติดล้อ จำกัด)

กรุณากรอกข้อมูล

 
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา